จะเป็นอย่างไรหากเรายังฝืนใช้ เครื่องสำอางหมดอายุ !
เครื่องสำอางหมดอายุ สาวๆที่ชอบสะสมเครื่องสำอางต้องฟังทางนี้ โดยเฉพาะคนที่มีมากจนใช้ไม่ทันและหมดอายุ นี่เป็นคำถามที่หลายคนถามตัวเอง เครื่องสำอางหมดอายุ ยังใช้ได้อยู่ไหม? ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งคือผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่หมดอายุยังคงใช้งานได้อย่างปลอดภัย นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลายๆ คนถึงยังบังคับให้พวกเขาใช้มันโดยไม่เสียใจ วันนี้ Vogue Beauty เผยความจริงอันน่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากเรายังคงใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่หมดอายุหรือเสียหายต่อไป
• รองพื้นหมดอายุ
รองพื้นประกอบด้วยส่วนผสมที่สามารถแยกตัวได้เมื่อหมดอายุ เช่น ส่วนผสมของน้ำมัน (สารช่วยกระจายตัว) ซึ่งมักจะลอยขึ้นด้านบน หากยังใช้ต่อไปน้ำมันอาจไปอุดตันรูขุมขน และส่งผลให้เกิดสิวตามมา นอกจากการแยกชั้นของรองพื้นแล้ว อีกอย่างที่ต้องระวังโดยเฉพาะหากอยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้นคือ หากเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์แห้งกรังและจับตัวเป็นก้อน รวมถึงหากเก็บรองพื้นไว้นานหลังจากซื้อมามันสามารถออกซิไดซ์ได้ ซึ่งปฏิกิริยาออกซิเดชั่นนี้สามารถเปลี่ยนสีของรองพื้นได้ หากสังเกตเห็นว่ารองพื้นสีเบจเปลี่ยนเป็นสีออกส้ม นั่นก็แสดงว่ามันอาจหมดอายุแล้ว
• มาสคาร่าหมดอายุ
มาสคาร่าอาจอยู่ได้นานถึงสองปีหากยังไม่ได้เปิดใช้ แต่กฎทั่วไปแล้วดีที่สุดคือควรเปลี่ยนมาสคาร่าทุกสามเดือนหากเปิดใช้แล้ว หากเวลาผ่านไปเกินกว่านี้และยังฝืนใช้ มาสคาร่าก็อาจแนวโน้มที่จะหลุดร่วงลงมาบนใบหน้าหรือแย่กว่านั้นคือเข้าตา รวมถึงไม่ได้ผลลัพธ์ของขนตางอนสวยอย่างที่ต้องการ และด้วยขนตาที่ทำหน้าที่ป้องกันฝุ่นหรือสิ่งปนเปื้อนเข้าดวงตา ดังนั้นหากยังใช้มาสคาร่าหมดอายุ ก็เป็นไปได้ว่าจะมีสิ่งปนเปื้อนหรือแบคทีเรียมาติดที่ขนตาด้วย โดยวิธีสังเกตมาสคาร่าว่ายังใช้ได้ดีหรือไม่ ให้ลองดมดู หากมีกลิ่นแปลกๆ หรือมาสคาร่าเป็นขุยไม่ติดทนเหมือนเดิม ก็อาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนมาสคาร่าแท่งใหม่
• บลัชออนหมดอายุ
บลัชออนชนิดตลับที่เป็นเนื้อผงอัดแน่นสามารถอยู่ได้นานหลายปี ซึ่งแบคทีเรียจะไม่เจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่แห้ง ดังนั้นหากเก็บไว้อย่างเหมาะสมและปราศจากความชื้น จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเก็บบลัชออนได้ถึง 2 ปีหรือนานกว่านั้น แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปนานมากแล้ว และผงของบลัชออนดูแห้งและแน่นเกินไปก็อาจจะไม่เหมาะที่จะใช้ต่อ กรณีที่เป็นครีมบลัชที่เรามักสัมผัสกับปลายนิ้วจะเก็บไว้ได้แค่ปีเดียวมากสุด เพราะอาจมีแบคทีเรียจากนิ้วลงไปนั่นเอง หากหมดอายุแล้วยังฝืนใช้ก็อาจทำให้ผิวเกิดสิวได้ ในขณะที่ครีมบลัชชนิดแท่งจะอยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี แต่จะต้องมีการใช้ทิชชูชุบแอลกอฮอล์ถูเพื่อเช็ดด้านบนอย่างน้อยเดือนละครั้ง
• ลิปสติกหมดอายุ
ผิวหนังบนริมฝีปากนั้นบอบบางที่สุดในร่างกายและมีความไวต่อแบคทีเรียมาก ผลิตภัณฑ์ที่ใช้บนริมฝีปากอย่างลิปสติกและลิปกลอสจึงปนเปื้อนแบคทีเรียได้ง่ายจากการสัมผัสกับปากแล้วถ่ายโอนแบคทีเรียเข้าไปในหลอด ซึ่งวิธีที่จะช่วยลดการแพร่กระจายของแบคทีเรียคือการใช้แปรงสะอาดจุ่มลิปสติกแทนการทากับปากโดยตรง รวมถึงทำความสะอาดแปรงเป็นประจำ โดยทั่วไปแล้วลิปสติกจะมีอายุการใช้งาน 1-2 ปี ส่วนลิปกลอสสามารถใช้ได้ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี แต่ถ้าหากเมื่อไหร่สังเกตว่าผลิตภัณฑ์มีกลิ่นแปลกๆ เนื้อสัมผัสเปลี่ยนไป หรือมีความชื้นซึมออกมา ก็ควรหยุดใช้ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับอาการแพ้หรือคัน
• อายไลเนอร์หมดอายุ
ผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตาเป็นหนึ่งในเครื่องสำอางที่อันตรายที่สุดหากใช้เกินวันหมดอายุ เพราะเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่กระจายของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายไปยังดวงตาที่บอบบาง โดยเฉพาะผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้สามารถทำให้เกิดอาการระคายเคือง บวมแดง และอาจติดเชื้อเล็กน้อยถึงรุนแรงได้ แม้ดินสอหรืออายไลเนอร์แบบเจลจะถือว่าปลอดภัยสำหรับการใช้งานนานถึง 1 ปี แต่อายไลเนอร์ชนิดน้ำที่เป็นของเหลวจะถือว่าปลอดภัยเพียง 3 เดือนเท่านั้นหลังเปิดใช้ ซึ่งแตกต่างจากการใช้แปรงแต่งหน้าทั่วไปที่แยกเดี่ยวและสามารถล้างได้ นอกจากนี้หากพบว่าอายไลเนอร์จับตัวเป็นก้อนอย่างเห็นได้ชัดและมีกลิ่นผิดปกติ ก็โยนพวกมันลงถังขยะเช่นกัน
การใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุมีความเสี่ยงหลายอย่าง สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงระยะเวลาหลังเปิดใช้ และรู้จักจัดเก็บเครื่องสำอางให้เหมาะสม รวมถึงหมั่นสังเกตทั้งสี กลิ่น และเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ หากมีความผิดปกติก็ควรหยุดใช้เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้